ในช่วงการบุกยึดครองของญี่ปุ่น ยิปมัน (เจินจื่อตัน หรือ ดอนนี เยน) ปกป้องเกียรติของประเทศจีนด้วยเพลงมวยหย่งชุน เขาจัดการนักคาราเต้นับสิบรวมถึงนายทหารของญี่ปุ่น แต่นั่นทำให้เขาต้องลี้ภัยไปเกาะฮ่องกง ยิปมันต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับครอบครัวของเขา โชคดีที่เพื่อนของยิปมันแนะนำให้เขารู้จักบรรณาธิการใหญ่ของหนังสือพิมพ์ ซึ่งใจดีให้ยิปมันเช่าชั้นดาดฟ้าของตึกเพื่อเปิดโรงเรียนสอนมวยหย่งชุน
เนื่องจากไม่มีใครบนเกาะฮ่องกงเคยได้ยินเกี่ยวกับเพลงมวยหย่งชุน จึงไม่มีผู้สนใจเข้ามาสมัครแม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 แสงสว่างในตอนเช้าก็มาพร้อมกับชายหนุ่มชื่อ หวังหลุง (หวงเสี่ยวหมิง) เขาขึ้นมาบนดาดฟ้าเพื่อท้าประลองฝีมือกับยิปมัน แต่ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป หวังหลุงตัดสินใจรวบรวมเพื่อนนักมวยของเขา และขอให้ยิปมันเป็นอาจารย์มวย
ต่อมา หวังหลุงมีเรื่องกับหัวหน้าแก๊งเจ้าถิ่นที่ฝึกเพลงมวยสกุลหง เมื่อยิปมันบุกเข้ามาช่วยเหลือลูกศิษย์ไว้ได้หวุดหวิด หัวหน้าผู้ดูแลตลาดค้าปลา อาจารย์หง (หงจินเป่า) บอกว่ายิปมันฝ่าฝืนกฎของสังคมการฝึกเพลงมวย พวกเขาจึงต้องประลองฝีมือกับอาจารย์มวยท่านอื่น และต่อสู้ให้ชนะภายในการจุดธูป 1 ดอก การประลองนั้นทำให้ยิปมันและอาจารย์หงมีความนับถือแก่กันและกันในที่สุด
ในขณะเดียวกัน เกาะฮ่องกงซึ่งมีชาติตะวันตกปกครองอยู่เบื้องหลังได้จัดการแข่งขันชกมวยขึ้น โดยมี ทวิสเตอร์ (ดาร์เรน ชาห์ลาวี) นักมวยยักษ์สุดโหดเหี้ยม เข้ามาจัดการคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่าจนกลายเป็นราชาแห่งสังเวียน หลังการแข่งขัน มีการแสดงศิลปะการต่อสู้แบบจีนบนเวที แต่ทวิสเตอร์ที่คิดว่านี้ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ ขึ้นมาอัดทุกคนกองราบคาบ รวมถึงยอดฝีมืออย่างอาจารย์หงด้วย
เหตุครั้งนี้ทำให้ผู้ปกครองชาติจัดการแข่งขันพิเศษขึ้น ระหว่างทวิสเตอร์และอาจารย์เพลงมวยชาวจีนทุกคน โดยหวังว่าจะทำให้ชาวจีนยำเกรงอำนาจของชาติตะวันตก หลังจากเห็นพี่น้องร่วมชาติและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดยิปมันก็ตัดสินใจที่จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของเพลงมวยจีนและของคนจีนทุกคนกลับคืนมา